ส.ต.ต.ราชพฤกษ์
อาแว ถูกโจรใต้ซุ่มโจมตีจนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวันที่
29 มี.ค.59
อีก
1 ชีวิตที่เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
เพื่อปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิด
ขอบคุณจากใจแทนคนไทยทุกคน
ส.ต.ต.ราชพฤกษ์
อาแว เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2538 เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน 6 คน ของนายมะดาโอะ
อาแว และนางแมะยะ อาแว เข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558
ขณะอายุ 20 ปี ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
ส.ต.ต.ราชพฤกษ์
อาแว เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุคนร้ายซุ่มยิงบนถนนในหมู่บ้านเมาะสาวา
หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 มี.ค.59 พิธีฝังศพ ส.ต.ต.ราชพฤกษ์
อาแว ตร.จะแนะ ที่ถูกซุ่มโจมตีจนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30
มี.ค.59 ที่กุโบร์บ้านโคกติมุง ม.1 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พ.ต.อ.จักรพร
แท่นทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีฝังศพ โดยมี พ.อ.จิรสิทธิ์
จันทรมี รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดนราธิวาส นายสุรัตน์ ลายจันทร์
ปลัดอาวุโสอำเภอสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.ประยุทธ พงค์สันติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรมูโนะ
ผู้นำศาสนา เพื่อนข้าราชการตำรวจ
และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีเพื่อแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ด.ต.รุสลาม อาแว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรมูโนะ
ผู้เป็นพี่ชายกล่าวว่า น้องชายเป็นคนเรียบร้อย มีความกตัญญูต่อพ่อแม่
และมีความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเด็กว่าอยากเป็นตำรวจ
จึงพยายามตั้งใจเรียนและขวนขวายหาความรู้เพื่อสานฝันของตัวเอง
จนประสบความสำเร็จเมื่อสอบเข้าตำรวจและถูกเรียกบรรจุเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558
และในระหว่างนี้ได้เตรียมตัวที่จะสมัครเข้าสอบเป็นนายร้อยด้วย
วันแรกของการได้สวมเครื่องแบบชุดตำรวจของน้องชาย เป็นวันที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวมาก
เพราะน้องชายเป็นบุตรชายคนสุดท้อง ที่เป็นศูนย์รวมของความรักของครอบครัว
พ่อแม่ยิ้มอย่างมีความสุขไปพร้อมกับพี่ๆทุกคน
ซึ่งตลอดช่วงเวลาของการปฏิบัติหน้าที่แม้จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
แต่น้องก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ด้วยใจรักและอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นว่าจะช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จนเป็นที่รักของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน
น้องชายพูดเสมอว่า
ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายกับตนเองขึ้นมาวันใด
แต่ขอให้ครอบครัวสบายใจว่าจะดูแลตัวเองและระมัดระวังให้มากที่สุด
ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นกับตน ก็ขอให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับกับเหตุที่เกิดขึ้นว่า
เป็นการเสียสละชีวิตในหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นความภาคภูมิใจของตนเอง
การพบกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อวันที่
26 มี.ค.59 น้องชายกลับมาที่บ้านพร้อมถุงยาสมุนไพรจากเห็ดป่าของชนเผ่าซาไกในพื้นที่
เพื่อให้พ่อแม่ได้ต้มดื่มรักษาโรคหอบหืดของพ่อและโรคเบาหวานของแม่
ซึ่งจากนี้ไปพี่ๆทุกคนจะดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพราะท่านยังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
จะต้องสูญเสียอีกกี่ชีวิตถึงจะพอใจ
“เอกราชจอมปลอม” ไม่มีวันเป็นจริงได้หรอก
หยุดสร้างบาปให้ตนเองสักที
หยุดสร้างบาปให้ตนเองสักที