วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ปล้นรถทำคาร์บอม ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ลอบยิง จนท. คือ “นักรบ”ที่ตายเพื่อศาสนา ไม่ใช่ “โจร” จริงหรือ?



       ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปี 2560 เกิดเหตุคนร้ายปล้นรถที่เต็นท์รถยนต์มือสองใน อ.นาทวี จ.สงขลา จำนวน 6 คัน เพื่อนำไปประกอบระเบิดเป็นคาร์บอม สร้างความรุนแรงในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยจับเจ้าของเต็นท์และพนักงานขายเป็นตัวประกันรวม 4 คน เมื่อขับพาเข้าพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา คนร้ายได้ยิงพนักงานขายเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน ส่วนเจ้าของเต๊นท์รถและพนักงานอีกคนหลบหนีไปได้

        ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 12 นาฬิกา ตำรวจพบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไตรตัน สีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ 7182 ยะลา ที่ถูกปล้นไป จอดทิ้งไว้ริมถนน ห่างจากจุดที่ยิงตัวประกันเพียง  300 เมตร เนื่องจากน้ำมันหมด

        เวลาประมาณ 14 นาฬิกา ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้รับแจ้งว่า รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สี่ประตู สีดำ ทะเบียน บธ 4063 พัทลุง หนึ่งในรถที่ถูกปล้น ขับแหกด่านรอยต่ออำเภอหนองจิก กับอำเภอโคกโพธิ์ จึงขับรถไล่ล่า ก่อนคนร้ายจะใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น คนร้ายพยายามหลบหนี ก่อนเสียหลักตกข้างทาง และถูกตำรวจวิสามัญ เสียชีวิต 1 คน ตรวจสอบภายในรถพบถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม  , น้ำมันเบนซินบรรจุในแกลอน ขนาด 10 ลิตร จำนวน 7 ถัง คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบคาร์บอมที่คนร้ายเตรียมนำไปก่อเหตุในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี

        30 นาทีต่อมา ได้รับแจ้งเกิดเหตุคาร์บอมที่ถนนสายปัตตานี ยะลา ตำบลยาบี อำเภอหนองจิก เหตุการณ์นี้ มีกล้องหน้ารถของผู้ที่สัญจรผ่านบริเวณนั้น สามารถบันทึกภาพนาทีระเบิดไว้ได้ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ สี่ประตู ทะเบียน กอ 4995 สงขลา เป็นรถอีกคันที่ถูกปล้นมาจากเต็นท์รถดังกล่าว ตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ขับรถมาจอดทิ้งไว้ กระทั่งมีทหาร 4 นายขับรถผ่านมา  คนร้ายจึงกดชนวนระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ทำให้หทารได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

        ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 15 นาฬิกา พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีเทา ทะเบียน ถศ 3050 กทม  ที่ถูกปล้นมา จอดทิ้งไว้ในสวนยางพารา พื้นที่ อำเภอโคกโพธิ์  จังหวัดปัตตานี กระทั่ง 4 นาฬิกาเช้าวันที่ 17 สิงหาคม เกิดเหตุคาร์บอมบ์บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรมายอ  จังหวัดปัตตานี แรงระเบิดทำให้บ้านพักของตำรวจเสียหายจำนวน 10 หลัง ตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าว เป็นรถถูกปล้นมาจากเต็นท์เดียวกัน ภายในพบระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 80 กิโลกรัม โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้บาดเจ็บ

        เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ตำรวจพบรถ ยี่ห้อมาสด้าทันเดอร์ ทะเบียน บง 8378 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถที่กลุ่มคนร้ายขับไปก่อเหตุปล้นเต็นท์รถจอดทิ้งไว้ภายในสวนยางพารา อำเภอสะบ้าย้อย  จังหวัดสงขลา พบแกลลอนน้ำมันบริเวณท้ายรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตำรวจตรวจพบรถที่ถูกคนร้ายปล้นมาได้ครบทั้ง 7 คันแล้ว รวมรถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ เบื้องต้นพบเบาะแส 4 ใน 7 คนร้าย เป็นแกนนำแนวร่วมเก่าที่เคยก่อความไม่สงบในพื้นที่

        จากเหตุการณ์ดังกล่าว จนท.ตำรวจ เร่งทำการสืบสวนสอบสวนจนได้เบาะแสและได้ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 14 คน มอบตัว 1 คน โดย 1 ใน 14 คน นั้น คือ นายหมะดาโหะ เสมสัน ส่วนที่เหลือยังคงหลบหนีการจับกุม ซึ่งอาจจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่และไปกบดานที่ต่างประเทศ

        ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 61  จนท. ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวว่า นายหมะดาโหะ เสมสัน ผกร.ระดับปฏิบัติการ เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมตัวคนร้าย
เมื่อ จนท.แสดงตัวและพูดจาเกลี้ยกล่อม เพื่อให้ยอมมอบตัว ปรากฏว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนท. และพยายามฝ่าวงล้อมของ จนท. เพื่อหลบหนี จนเกิดการปะทะกัน ทำให้คนร้ายถูก จนท.วิสามัญ เสียชีวิตทันที

        จากนั้นไม่นานแนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มของชาวบ้าน ได้ปลุกระดม ยกย่องให้นายหมะดาโหะ เสมสัน เป็นนักรบซาฮีด หรือ นักรบที่ตายเพื่อศาสนา ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งที่นายหมะดาโหะ ทำคือการปล้นรถทำคาร์บอม ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ซึ่งการฆ่าคน 1 คน ในหลักศาสนาอิสลามแล้วเท่ากับการฆ่าคนทั้งโลก แบบนี้เรียกว่า “นักรบ” หรือ “โจร” กันแน่

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

แบบนี้นี่เองที่ทำให้ท่านถูกมันฆ่า



อุสตาสอดุล ซิมา คอเต็บประจำมัสยิดบ้านโคกนิบง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี และเป็นอุสตาสโรงเรียนอัตปิยะอิสลามียะห์) ผู้สอนศาสนาตามหลักศาสนาอย่างแท้จริง ถูกทีมงูเต๊ะโจรใต้บุกยิงคามัสยิดหลังละหมาดเสร็จ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่คนละแวกนั้นจะไม่รู้ไม่เห็นหน้าตาคนร้าย นอกจากคนร้ายจะแต่งตัวปลอมเป็นหญิงมุสลิมก่อเหตุ อย่างที่เคยทำมา หลายต่อหลายครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องเสียชีวิตเช่นนี้ ท่านอาจไม่สอนเด็กให้ได้ตามจุดประสงค์ที่ BRN ต้องการ ทำให้ BRN เสียผลประโยชน์ เลยส่งทีมงูเต๊ะมาตามฆ่า แนวร่วมส่วนใหญ่ถูกแกนนำขบวนการที่แฝงตัวเข้ามาเป็นอุสตาส ปลูกฝังแต่คำสอนที่บิดเบือน ปลูกฝังแต่เรื่องการทำญิฮาด (สงคราม) ในพื้นที่ตรงนี้ ปลูกฝังให้เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ แยกคนมุสลิมออกจากคนพุทธ เพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ในการแบ่งแยกดินแดน
แต่อุสตาสทั้งหมดก็ไม่ใช่โจร เพราะยังมีอุสตาสดีๆ ที่ยึดถือตามหลักคำสอนอย่างเคร่งครัด สอนและปลูกฝังเด็ก เยาวชนให้เป็นคนดี รักสงบ รักสันติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่!!
คนเหล่านั้นกลับต้องหวาดระแวง กลัวว่าสักวันกลุ่มขบวนการจะมาปลิดชีพเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จชต. จะเป็นเช่นไร หากกลุ่มขบวนการเน้นปลูกฝังคำสอนที่บิดเบือนแก่เยาวชนในพื้นที่ และยังมีองค์กร มูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อกรกับรัฐ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หนำซ้ำโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนบางแห่งยังตบตารัฐด้วยการบรรจุครูผี นักเรียนผีเพื่อรับเงินอุดหนุนจากรัฐแล้วไปสนับสนุนกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยยากต่อการตรวจสอบ
คนดีอยู่ที่ไหนก็เป็นคนดี อย่ากลัวที่จะทำดี เพราะชีวติหลังความตาย มันมีขุมนรกรอท่านอยู่
#อินนาลิลลาฮีวาอินนาอิลัยฮีรอญีอูน

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

แอดมินเพจ Suara Patani บิดเบือน ปลุกระดม หวังทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม วอนคนไทยช่วยกันรายงานปิดเพจ



แอดมินเพจ Suara Patani บิดเบือน ปลุกระดม
หวังทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม
สร้างความแตกแยกในความแตกต่างทางศาสนา
เป็นอีกหนึ่งวิธีของสื่อแนวร่วมในการขับเคลื่อนการแบ่งแยกดินแดน
วอนคนไทยช่วยกันรายงานปิดเพจ

ทั้งนี้เพจ Suara Patani ได้โพสต์บิดเบือนข้อมูลกรณีที่มีพ่อลูกคู่หนึ่งซึ่งมีอาชีพล่าหมูป่า ออกไปหาหมูป่า แต่พลาดท่าเกิดอุบัติเหตุในระหว่างที่ ผู้เป็นพ่อดักซุ่มหมูป่า และได้ยินเสียงคล้ายหมูป่า จึงยิงปืนลูกซองไปที่เป้าหมาย แต่เคราะห์ร้าย กลับกลายเป็นลูกชายของเขาเองที่เดินมาหาพ่อ ซึ่งแอดมินเพจ Suara Patani โพสต์บิดเบือนว่า พ่อลูกทั้งสองคนมาดักยิงคนมุสลิมในหมู่บ้านและกล่าวหาว่าเป็นกองโจรของพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดศรีนคร ช่างหน้าหัวร่อ ทั้งๆที่ข่าวออกไปหลายวันแล้วและ จนท.ตำรวจ ก็ตรวจสอบ สอบสวนไปแล้ว แต่แอดมินเพจ Suara Patani ก็ยังมีเวลาว่างนั่งแต่งนิยายโจมตีพระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นกระแสให้ฝ่ายขบวนการ นำมาบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายป้ายสี กันเป็นว่าเล่น เขาว่าเดือนรอมฎอน ห้ามพูดโกหก ห้ามพูดตอแหล ห้ามสร้างความแตกแยกในหมู่สังคมไทย จะมีผู้นำศาสนาท่านใดที่จะออกมาปรามเพจอย่าง Suara Patani และแถมด้วยเพจ สันติภาพ ปาตานี

เรามาดูความจริงกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณในครั้ง
        เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 17 พ.ค.61 ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เด่นพุทธ รองสว.(สอบสวน)สภ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตถูกนำส่งมาชันสูตรเหตุเกิดในพื้นที่บ้านควนดินดำ หมู่ 10 ต.บ้านแหร ต่อมาพร้อม พ.ต.ท.กรกช พันธรักษ์ รอง ผกก. พ.ต.ท.ชำนาญวิทย์เทพอาจ รอง ผกก.(สอบสวน) นายนรินธร จันทร์เลื่อน ปลัดป้องกันอำเภอธารโต นำกำลังรุดไปสอบสวน ทราบชื่อนายอนันตชัย น่านโพธิ์ศรี อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/10 หมู่ 4บ้านบูโละสนิแย ต.บ้านแหร ถูกกระสุนปืนลูกซองเต็มลำตัวนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน
        ขณะเดียวกันมีนายสาน น่านโพธิ์ศรี อายุ 48 ปี ผู้เป็นบิดา ยืนถืออาวุธปืนลูกซองยาวรออยู่พร้อมให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองมีอาชีพล่าหมูป่าและเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมาได้ชวนนายอนันตชัยลูกชายออกไปล่าหมูป่าบนภูเขาหลังหมู่บ้านรอยต่อบ้านควนดินดำหมู่ 10 ต.บ้านแหร โดยปกติจะให้นายอนันตชัยนั่งรอยังที่เป็นจุดพัก หากยิงหมูป่าได้แล้วตนจะไปร้องเรียกให้มาช่วยกันหามหมูป่าลงไปในหมู่บ้าน แต่ระหว่างที่กำลังดักซุ่มรอหมูป่าอยู่จู่ๆได้ยินเสียงคล้ายเสียงหมูป่าเดินมาจึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงไป 1 นัด หลังจากนั้นจึงได้วิ่งไปดูปรากฏว่าพบร่างนายอนันตชัยถูกยิงบาดเจ็บสาหัส
จึงได้ประสานพระครูสมุห์พิสิทธิ์อนาลโยเจ้าอาวาสวัดศรีนครประธานกู้ภัยคอกช้างให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลปรากฏว่านายอนันตชัยเสียชีวิตในที่สุด จึงได้นำอาวุธปืนลูกซองมาขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

พระสงฆ์ตัดหญ้าพัฒนาพื้นที่ แนวร่วมโจรใต้ตัดต่อภาพท่านสะพายปืน หวังสร้างความแตกแยก ทำลายพระพุทธศาสนา



เกิดกระแสดราม่าเกี่ยวกับกรณีผู้ปกครองนักเรียนไทยมุสลิมมาเรียกร้องให้นักเรียนหญิงคลุมฮิญาบได้ในโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ซึ่งนักเรียนดังกล่าวเพิ่งย้ายเข้ามา แต่ยังไม่เข้าใจในกฎระเบียบข้อบังคับของทางโรงเรียนที่มีมาช้านาน ซึ่งในโรงเรียนก็มีนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่หลายคน แต่ก็ต้องทำตามกฎของโรงเรียน และก็ปฏิบัติมาได้ด้วยดีมาตลอด จนกระทั้งนักเรียนกลุ่มดังกล่าวย้ายเข้ามา 

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

ทำให้พระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดศรีนคร อ.ธารโต จ.ยะลา ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และให้ขอยกเลิกข้อตกลงที่ยินยอมให้นักเรียนหญิงคลุมฮิญาบ โดยกล่าวว่า “ผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่มนี้ ได้รับคำแนะนำมาจากมูลนิธิหนึ่งที่เป็นเครือข่ายขบวนการ ซึ่งมักจะเรียกร้องสิทธิให้เฉพาะพี่น้องมุสลิมเท่านั้น ยุยง ส่งเสริมในทางที่เสื่อมเสีย ทั้งๆที่ คนไทยพุทธ –คนไทยมุสลิมอยู่ด้วยกันดีมาโดยตลอด และการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเพื่อนต่างศาสนา”

หลังจากนั้นเพจแนวร่วมโจรใต้ อย่างเพจ Suara Patani และเพจ Patani Peace สันติภาพปาตานี ซึ่งเป็นเพจของนักศึกษากลุ่ม PerMAS ที่ต้องการเรียกร้องให้มีการแบ่งแยกดินแดน ยอมเป็นเครื่องมือของแกนนำขบวนการ ตัดต่อภาพ โจมตีพระครูสมุห์พิสิทธิ์ ว่าท่านสะพายปืน เป็นพระหัวรุนแรง และใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นาๆ โดยอ้างว่าท่านจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มุสลิมในประเทศไทย






แต่แล้วความจริงก็ปรากฏ ได้มีช่างภาพชาวไทยมุสลิมมาแสดงความคิดเห็นว่า นี่เป็นภาพตัดต่อ ไม่ใช่ภาพจริง และมีอีกหลายคนมาแสดงความเห็นว่า พระท่านเป็นพระนักพัฒนา ชอบช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะคนไทยพุทธหรือคนไทยมุสลิม ท่านช่วยเหลือหมด ไม่แบ่งแยกว่าใคร ศาสนาอะไร













นี่เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวไทยมุสลิม ซึ่งต้องทำจิตใจให้สงบ ห้ามใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ห้ามพูดโกหก ละเว้นอบายมุขทุกอย่าง ละหมาดวันละ 5 เวลา ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าให้มากที่สุด แต่พวกโจรใต้ไม่ได้มีจิตใต้สำนึกเลยว่าตนต้องปอซอ (บวช) ไม่สนใจเลยว่าใครจะเดือดร้อน มีเพียงความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมาจากแกนนำเท่านั้นที่ว่า “ฆ่าคนในเดือนรอมฎอนแล้วจะได้บุญ”

สันติภาพที่จอมโจรมันเรียกร้องคงไม่เกิดขึ้น หากมันยังหยิบยื่นหายนะมาสู่พี่น้อง 3 จังหวัด


วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

คนไทยควรรู้ความจริง!!


ล่าความจริง : ขุดราก “บีอาร์เอ็น” จุดไฟใต้สู้รัฐไทย
ขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นองค์กรต่อต้านรัฐไทยที่ประกาศจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2502 ว่าต้องการปลดปล่อย “ปาตานี” ซึ่งหมายถึงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของจังหวัดสงขลา ออกจากรัฐไทย เพื่อไปตั้งรัฐเอกราชใหม่ชื่อว่า “รัฐปาตานี”

นี่หรืออุดมการณ์...โจรใต้แต่งหญิงก่อเหตุ (ชมคลิป)



ข้อดีของฮิญาบ! ไม่ได้เพียงปกปิดร่างกายของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังสามารถปกปิดร่างกายโจรใต้ใจตุ๊ดได้อีกด้วย...

ย้อนอดีตไปเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.2558 จุดแรกโจรใต้ได้นำระเบิดไปวางที่หน้าบ้านเลขที่ 66 ถนนสันติราษฎร์ เขตเทศบาลตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นบ้าน นายวันชัย อินทรศร อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลยะหา

ห่างกันประมาณ 5 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นจุดที่ 2 หน้าบ้านเลขที่ 125 ถนนสันติราษฎร์ ห่างจากจุดแรกประมาณ และห่างจาก สภ.ยะหา 100 เมตร

สักพัก ก็เกิดระเบิดขึ้นเป็นจุดที่ 3 ที่หน้าบ้านเลขที่ 24 ซอยสุขาภิบาล 1 เขตเทศบาลตำบลยะหา ซึ่งเปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า แต่เคราะห์ดีที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 จุดไม่มีใครได้รับอันตราย มีเพียงทรัพย์สินและตัวบ้านเท่านั้นได้รับความเสียหาย

เจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณร้านขายเสื้อมาตรวจสอบ พบว่าคนร้ายแต่งกายแบบผู้หญิง ใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ถือถุงพลาสติกที่บรรจุระเบิด เข้าไปวาง ก่อนที่จะมีรถจักรยานยนต์มารับพาออกจากที่เกิดเหตุ

        และเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.2561 ก็เกิดเหตุโจรใต้วางระเบิดตู้ เอทีเอ็มกว่า 20 จุด ทั่ว จชต. ส่งผลให้ทรัพย์สินเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งก็ใช้วิธีเดิมที่เคยก่อเหตุ เมื่อหลายปีก่อน คือการแต่งกายเลียนแบบมุสลิมะห์ (มุสลิมหญิง) ก่อเหตุ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบจาก จนท. หลังจากนั้น จนท. จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมนำสเก็ดระเบิดไปเปรียบเทียบกับจุดอื่นๆ ซึ่งพลโทปิยะวัฒน์ นาควานิช เเม่ทัพภาค 4 เชื่อว่า เหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม กว่า 20 จุด เป็นฝีมือของเเนวร่วมรุ่นเก่า ที่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาเเล้วเมื่อ 4-5 ปีก่อน เร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัว พร้อมคุมเข้มพื้นที่ตลอดเดือนรอมฎอน
        นี่หรืออุดมการณ์ของโจรใต้ นี่หรือการกระทำของนักรบ นี่หรือคือการกระทำของลูกผู้ชาย ในขณะที่ชาวไทยมุสลิมหลายคนถือศีลอด ทำความดี ละหมาด 5 เวลา ในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ แต่มีกลุ่มโจรใต้ใจชั่วสร้างความหวาดกลัว หวาดระแวง แก่ผู้คนในพื้นที่ นอกจากจะไม่ปฏิบัติตามหลักคำสอนแล้ว ยังไปทำลายศรัทธาผู้อื่นอีก....สันติภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากยังมีปีศาจในคราบมนุษย์เหล่านี้อยู่

คลิปจากกล้องวงจรปิด เมื่อ 4 พ.ค.58


คลิปจากกล้องวงจรปิด เมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.61






คลิปเหตุการณ์ระเบิด ที่ชาวบ้านถ่ายไว้ได้ในขณะที่ระเบิด ตู้ ATM 7-11 ปูยุด ปัตตานี




เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 61 เวลา 1900 น. คนร้าย ลอบวางระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยนำไปวางไว้บริเวณตู้กดเงินด่วน (ATM) ของธนาคารออมสิน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลเว่น) ริมถนนสาย 410 (ยะลา - ปัตตานี) ในพื้นที่ 
บ.ปูยุด ม.7 ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ตู้กดเงินด่วน (ATM) ได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
        ต่อมาได้มีคลิปวีดีโอเกี่ยวกับเหตุระเบิดนี้ออกมา ซึ่งมีการพูดคุยกันเป็นภาษายาวี ไล่เด็กที่ปั่นจักรยานไปใกล้กับตู้ ATM ให้ออกไปจากตรงนั้น หลังจากนั้นจึงเกิดการระเบิดขึ้น ดังสนั้น สะเก็ดระเบิดกระเด็นมาโดนรถที่จอดบริเวณนั้น ได้รับความเสียหาย และมีคนยกนิ้วโป้ง แสดงอาการดีใจ ช่วงท้ายคลิป น่าแปลกใจว่ารู้ได้อย่างไรว่าตรงนั้นมีระเบิด..
คนถ่ายคือชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งหรือ? ถ้าเป็นชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทำไมไม่แอบถ่ายตอนที่มันมาวางระเบิดด้วย? หรือคนที่ยกนิ้วโป้งคือคนวาง? นี่เป็นเพียงการแสดงศักยภาพของแกนนำขบวนการฝ่ายทหารคนใหม่อย่างนั้นหรือ? การก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนจะได้บุญจริงหรือ? ความชั่วร้ายความป่าเถื่อนพวกนี้ มันไม่เกี่ยวกับศาสนาเลยแม้แต่นิดเดียว มันเกิดจากจิตใจที่ชั่วช้าของคนเรานี่แหละ

        นอกจากจะทำให้คนในพื้นที่หวาดกลัว ไม่กล้าออกไปละหมาดแล้ว ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่านักรบ ทั้งๆ ที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงมาก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวไทยมุสลิมอีก ช่างน่าสมเพชจริงๆ ที่กลุ่มขบวนการฯ มีอุดมการณ์ที่สถุนได้ถึงเพียงนี้




โจรใต้ปล่อยคลิปก่อกวน (ชมคลิป)



อ้างจะก่อเหตุ 28 พ.ค.นี้
ผู้นำศาสนาชี้ ไร้สำนึก กระทบการปฏิบัติศาสนกิจ

โจรใต้ ก้าวไปอีกขั้น ทำคลิปป่วน แสร้งเตือนภัย จะมีก่อเหตุใหญ่ 28 พ.ค.นี้ แต่ไม่บอกว่า จุดไหน แต่เตือน อย่าออกจากบ้าน/ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า- ผู้นำศาสนา เตือน อย่าหลงเชื่อ ชี้หวังสร้างความหวาดกลัว หวังทำลายบรรยากาศ รอมฎอน อันศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ปฏิบัติศาสนกิจ ตามปกติ

สะพัดทั่วชายแดนใต้ คลิปชายนิรนาม คลุมผ้า "ซือรือบาน" โผล่เสี้ยวเดียว พูดยาวีห์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ให้ออกนอกบ้านในวันที่ 28 พ.ค.นี้ เนื่องจากจะมีการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ และเป็นการก่อเหตุการณ์ใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าจุดไหน แต่ให้ระวังตัวด้วย

พันเอกธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า เป็นความพยายามปล่อยข่าวลือ เพื่อสร้างความสับสนและ ความหวาดกลัว ให้กับพี่น้องประชาชน และส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ

"อย่าได้ตื่นตระหนกกับข่าวลือนี้ เพราะทางทหารจะดูแลอย่างเต็มที่ และใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการ กับผู้ก่อเหตุทุกราย "

นาย แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า คลิปนึ้ ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งถ้าทุกคนเข้าใจก็จะไม่ก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนก และขอให้ผู้นำศาสนาประจำมัสยิดต่างๆและประชาชนที่ถือศีลอด ในเดือนรอมฏอน ขอให้ปฏิบัติศาสนกิจเหมือนเดิม




ตอนกูเล็กๆประมาณ 7 ขวบ กำลังนั่งเล่นของเล่น จู่ๆมีคนวิ่งมากระซิบบอกว่ากูจะต้องไปเข้าพิธีสุนัต



ตอนกูเล็กๆประมาณ 7 ขวบกำลังนั่งเล่นของเล่น จู่ๆมีคนวิ่งมากระซิบบอกว่ากูจะต้องไปเข้าพิธีสุนัตหรือการขลิบหนังปลายฆวย (Circumcision) ตอนนั้นกูตกใจ ร้องไห้ รีบวิ่งไปหาที่ซ่อนตัว สุดท้ายมีคนมาเจอกู แล้วมัดตัวกูไปที่คลินิกทำสุนัตที่มาประจำทุกปีแถวหมู่บ้าน

มึงคิดว่ากูจะยอมง่ายๆหรอ ด้วยกำลังของเด็กอายุ7 ขวบ ไร้เดียงสา กูพยายามที่สุดที่จะปกป้องหนังปลายฆวยของตัวเอง กูจำได้ว่ากูกรีดร้องลั่น กูสบถคำหยาบใส่อัลเลาะห์.. ทำไมทุกคนถึงแคร์แต่ความรู้สึกอัลเลาะห์ แต่ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกกูเลย.. กูจำได้ว่าก่อนจะขึ้นเขียง กูพูดเกรี้ยวกราดกับทุกคน ตรงนั้นว่าถ้ากูโดนขลิบ ชีวิตนี้ไม่ต้องเอาคำว่าอัลเลาะห์มาพูดให้กูฟังอีก

คนรอบข้างกูในวันนั้น ไม่เคยรู้หรอกว่ามันเป็นสิ่งที่ฝังใจ ไม่รู้หรอกว่าช่วงเวลาแบบนั้นมันเปราะบางมากที่จะเกิดพฤติกรรมฝังใจ (Phobia) รวมไปถึงพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร คล้ายๆกับอาการ ADHA ของกู

หลังจากนั้นกูเริ่มต่อต้านความเป็นอิสลามมากขึ้น ยิ่งโตก็ยิ่งมากขึ้นโดยที่กูเองก็ไม่รู้ตัว เริ่มต้นจากการที่กูไม่ชอบที่ตัวเองถูกเรียกว่าอิสลาม ไม่ชอบการแต่งตัวแบบอิสลาม อยากเลี้ยงหมา อยากกินซาลาเปาใส้หมู mimic, sarcastic, taunt ใส่ศาสนาตัวเอง

พอโตขึ้นเรียนรู้อะไรมากขึ้นก็เริ่มต้องอยู่ให้เป็น ก็พยายามไม่เอาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศที่กูไม่ชอบ กูเริ่มชอบอยู่ห่างจากบ้าน กูเริ่มไม่ชอบกลับบ้าน กูเริ่มติดเพื่อน

หลายครั้งมากที่ตัวกูเองอยากทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ถูกเบรคว่า ไม่ได้นะ! เพราะกูเป็นมุสลิม! ซึ่งบางครั้งมันเป็นคำตอบ ซึ่งกูหวังว่าจะได้ยินอะไรที่สมเหตุสมผลกว่านั้น การที่เด็กคนนึง เริ่ม Criticize สิ่งต่างๆแล้วคนรอบข้างกลับบอกว่า มันคือพระประสงค์ของพระเจ้า มันคือสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ มันคือสิ่งที่มุสลิมไม่ควรทำ ล้วนแล้วแต่ทำให้กูหมดศรัทธาในตัวศาสนา

ในชีวิตที่กูเกิดมา ศาสนาที่กูเองไม่ได้แม้กระทั่งเลือกด้วยตัวเอง ความกดดันจากคนรอบข้าง เวลาที่กูทำอะไรดีๆแม่งไม่เห็นมีอิเหี้ยหน้าไหนมาชมกูเลย แต่เวลาที่กูแค่ไม่ปฏิบัติตามหลักการของอัลเลาะห์ทำไมมีแต่คนมารุมโจมตีกู ไม่พูดกับกู ปฏิบัติเหมือนกูไปฆ่าใครตาย ทำเหมือนกูไม่มีคุณค่า กับอิแค่กูไม่ละหมาด กูไม่ถือศีลอด รวมไปถึงเพศสภาพของกู กูรู้สึกถูกคุกคามตลอด เรียกตัวเองว่ามุสลิม

ทำไมกูถึงไม่เชื่อในอัลเลาะห์? ก็เพราะเวลาที่กูอยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิต ก็เห็นมีแต่กูคนเดียวที่ดิ้นรน ก็กูนี่แหละเป็นคนพูดกับตัวเองว่ากูต้องสู้ กูต้องรอด กูต้องทำให้ได้ กูต้องผ่านมันให้ได้ กูทั้งนั้น! แล้วจะให้กูเชื่อพระเจ้ามากกว่าเชื่อตัวกูเองได้ไงว่ะ!

พอกันที กูอดทนเปิดใจให้ศาสนามามากพอแล้ว กูเองลึกๆไม่โทษตัวศาสนาหรือตัวอัลเลาะห์ กูว่าถ้าเค้าเป็นคนจริงๆมาก่อนต้องเป็นคนที่Cool คนนึง ไม่งั้นคนไม่ยกให้เขาเป็นRole model เเต่ศาสนาอิสลามไม่เคยมีประวัติสังคายนา อำนาจของศาสนาเลยไปตกอยู่ที่คนที่เอาคำสอนมาสั่งสอนคนอื่น เอามาบิดเบือน มโนสร้างกฏเกณฑ์บ้าๆบอๆ เอามาสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง แล้วโยนขี้ไปกับอัลเลาะห์ กูเลยไม่โทษอัลเลาะห์ กูว่า Reputation แกเองก็คงพังเพราะพวกลูกศิษท์ลูกหา เหมือนที่หลวงพ่อคูณโดน

ถ้าสุดท้ายแล้วศาสนาไม่ได้เป็นที่พึ่งทางใจหรือทำให้เรารู้สึกดี? ศาสนาลดทอนความเป็นตัวของตัวเอง? แล้วจะมีศาสนาไว้เพื่ออะไร? สรุปแล้วคนมีศาสนาไว้เพื่อยึดเหนี่ยว หรือเป็นเครื่องช่วยให้รู้สึกอยู่ในcomfort zone จากการตัดสินของคนอื่น

คนที่เป็นมุสลิมจริงๆ เป็นเพราะศรัทธาในตัวศาสนา หรือเป็นเพราะให้เป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัวหรือกลุ่มสังคมกันแน่

ศาสนาอิสลามที่กูโตมาคำสอนส่วนใหญ่มีแต่บังคับ ไม่เคย offer choices คุณต้องละหมาดวันละ 5 เวลา คุณต้องถือศีลอด ไม่ประพฤติตามคือบาป บาปแล้วไม่ได้บาปแค่คุณคนเดียว แต่บาปทั้งครอบครัว ซึ่งสำหรับกูมันคือ Religious propaganda มันเป็นอำนาจของการแสวงหาผลประโยชน์บนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนอื่น.. เดือนรอมฎอน ถ้าคุณอยู่ไทย คุณอดอาหาร 12 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณอยู่นอร์เวย์คุณอดอาหาร 20 ชั่วโมง.. แล้วมาตรฐานมันอยู่ตรงไหน? ตราบใดที่ศาสนาอิสลามไม่สังคายนา บอกได้เลยว่าไม่ใช่ไสตล์กู กูไม่เคยไปชี้หน้าด่าใครว่าหยุดเป็นอิสลามนะ! หยุดละหมาดนะ! เพราะฉนั้นเค้าก็ต้องเคารพสิทธิส่วนตัวกูด้วย

การที่เราดีดตัวออกมาศาสนาเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวของเราเอง มันผิดหรอ?

กูเชื่อว่าถ้าอัลเลาะห์ได้มาHang out กับกู ท่านต้องชอบกู เพราะกูคิดว่ากูอาจจะดีกว่าหลายคนที่ต่อหน้าจงรักภักดีต่อท่านแบบสุดโต่ง

#Iammyself





วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

แก๊งค้าน้ำมันเถื่อน กำลังแอบถ่ายน้ำมันให้ลูกค้า ด้านหลัง สภ.สะเดา เย้ยกฎหมาย



แก๊งค้าน้ำมันเถื่อนดัดแปลงสภาพถังน้ำมันใต้ท้องรถ กำลังแอบถ่ายน้ำมันเถื่อนให้ลูกค้า ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานีตำรวจสะเดา


รถยนต์กระบะดัดแปลงถังน้ำมันใต้ท้องรถให้ใหญ่ขึ้น และสามารถบรรจุน้ำมันได้ถึง 2,000 ลิตร กำลังถ่ายน้ำมันเถื่อนจากถังใต้ท้องรถให้แก่ลูกค้าที่เปิดขายน้ำมันเถื่อนหลัง สภ.สะเดา กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือถูกจับกุม แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสรรพสามิตภาค 9 และฝ่ายทหาร จะระดมกำลังกวาดล้าง และจับกุมกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ แต่ยังคงพยายามลักลอบขนน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง 


ล่าสุด พบภาพหลักฐานสำคัญที่รถยนต์กระบะคันหนึ่งซึ่งดัดแปลงถังน้ำมันใต้ท้องรถให้ใหญ่ขึ้นและสามารถบรรจุน้ำมันได้ถึง 2,000 ลิตรต่อเที่ยว กำลังถ่ายน้ำมันเถื่อนจากถังใต้ท้องรถให้แก่ลูกค้าที่เปิดขายน้ำมันเถื่อนแบบขวด และแกลลอน บริเวณริมถนนภูธรอุทิศ ซึ่งอยู่ด้านหลัง สภ.สะเดา เขตเทศบาลเมืองสะเดา และรถกระบะดัดแปลงสภาพถังน้ำมันใต้ท้องรถแบบนี้จะตระเวนส่งน้ำมันให้แก่ผู้ค้ารายย่อยตามร้านค้า ตรอกซอยซอย และตามหมู่บ้านต่างๆ  และจากการตระเวนตรวจสอบในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่ชายแดนบ้านจังโหลน ต.สำนักขาม เรื่อยมาถึง ต.ปาดังเบซาร์ รวมทั้งถนนสายปาดังเบซร์-ท่าข่อย-คลองรำ ซึ่งเป็นเส้นทางเลี่ยงเมืองสะเดา พบว่ ายังคงมีการลักลอบเปิดขายน้ำมันเถื่อนไม่ต่ำกว่า 20 จุด แม้เจ้าหน้าที่จะปราบปราบจับกุมทุกวัน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น และน้ำมันเถื่อนที่มีราคาถูกกว่าลิตรละ 5-8 บาท ในขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศมาเลเซียทั้งเบนซิน และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 19 บาทเท่านั้น


วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สมาชิกพูโลและครอบครัว 103 คน ยอมมอบตัวกับ จนท.รัฐ หลังจากกบดานในมาเลย์นานหลายปี

         Pulo (พูโล) คือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต. ของประเทศไทย ส่วนหนึ่งถูก จนท.รัฐ ตามจับกุม ส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปประเทศมาเลเซีย และใช้ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่ปะทะกับ จนท.รัฐ ไปขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลมาเลเซีย โดยอ้างว่าถูก จนท.รัฐบาลไทย กดขี่ข่มเหง ขอให้มาเลย์เข้ามาช่วยเหลือ และตั้งศูนย์อพยพในประเทศมาเลเซีย แต่ผิดคาด!! รัฐบาลมาเลเซียไม่เชื่อ และไล่กลับประเทศไทย แต่กลุ่มพูโลก็กลับประเทศไทยไม่ได้เพราะก่อเหตุ ก่อคดี ฆ่าคน ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก มีคดีตามหมายจับมากมาย จะขออยู่มาเลย์ เขาก็ไม่ให้อยู่ (กลับก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง) ก็เลยต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ที่มาเลย์ ไม่มีบัตรประชาชน ไม่ได้รับสิทธิใดๆ อยู่แบบอดๆ อยากๆ แต่ผู้นำกลุ่มอย่างนายกัสตูรี มะห์โกตา นายใหญ่พูโล อยู่สุขสบายที่สวีเดน เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกกลุ่มพูโล ทยอยเข้ามอบตัวต่อรัฐบาลไทยเป็นจำนวนมาก
        นายเลาะ อายุ 65 ปี หนึ่งในสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า ตนเองได้หนีไปมาเลเซียเมื่อสามสิบปีก่อน จนมีลูกหลานรวมหลายสิบคน
        สามสิบปีแล้วที่เราไม่ได้กลับบ้าน หนีไปอยู่มาเลย์จนมีลูก 5 คน ตอนนี้มีหลานอีกหลายสิบคน วันนี้ก็ได้กลับมาหมดแล้ว ได้เจอญาติ ลูกก็ได้กลับบ้าน และจะมีเอกสารสิทธิ์ว่าเป็นคนไทยนายเลาะ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

        "ดีใจมาก ขอบคุณโครงการนี้ที่ทำให้ได้กลับบ้านสิ่งที่อยากได้ หลังจากนี้ คืออาชีพ ถ้าเป็นไปได้อยากได้อาชีพที่อยู่ใกล้เขตแดนไทยมาเลย์ เพราะพอมีลู่ทางทำมาหากินได้บ้าง ที่สำคัญ สามารถคุยกับคนอื่นที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการให้กลับเข้ามาร่วมโครงการได้ด้วย  เพราะจะเดินทางง่ายและสะดวก" นายเลาะ กล่าวเพิ่มเติม
        ส่วนหลานสาวของนายเลาะ กล่าวว่า "ดีใจมากที่ได้กลับมา ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมา อยู่ที่โน่นก็เรียนหนังสือไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้กลับมาตั้งใจจะเรียนหนังสือ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เขาได้กลับบ้าน"
        พูโล ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน 3 จชต. ของประเทศไทย แต่หากมีอีกหลายกลุ่มที่ก่อเหตุฆ่าผู้บริสุทธิ์ สร้างสถานการณ์ความรุนแรง แย่งชิงอำนาจกันเอง ก่อให้เกิดความเสียหาย และสูญเสียเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ติดตามจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง บ้างก็ถูกจับกุมและส่วนหนึ่งก็หนีไปต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าผู้นำแต่ละกลุ่มจะไม่มีใครอยู่ในประเทศไทย จะคอยสั่งการด้วยการติดต่อสื่อสารจากต่างประเทศ มาเป็นระยะๆ อย่างที่เคยได้ยินกันว่า “ลูกน้องถูกจับ บ้างล้มตาย แต่ลูกพี่กินนอนสุขสบายที่ต่างแดน” บทบัญญัติจากพระเจ้าไม่เคยมีว่าให้ฆ่าคนหรือทำชั่วแต่อย่างใด มีเพียงบทบัญญัติจากพวกผู้นำกลุ่ม แกนนำขบวนการฯ เท่านั้นที่กำหนดขึ้นมาเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดม ชักชวนมวลชนให้หลงเชื่อ และคล้อยตาม แต่ผลสุดท้ายก็ต้องถูกจับกุม หรือไม่ก็ตาย รับกรรมกันต่อไป
        สมาชิกกลุ่ม หรือแนวร่วมขบวนการฯ ส่วนที่ยังหลงเหลือหรือหลบหนีอยู่ จงใช้สติปัญญาไตร่ตรอง ว่าอะไรถูก อะไรผิด ท่านจะยังเชื่อผู้นำหรือแกนนำของท่านอยู่อีกหรือ สิ่งที่ท่านได้มาคืออะไร ติดคุก ความตาย เพียงแค่นั้นหรือที่ท่านจะได้รับ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับตัวกลับใจและยอมมอบตัว

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

จ่าเพียรไล่ล่าผู้ก่อความไม่สงบ หนีตายกระเจิง (ชมคลิป)


พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.กระดูกเหล็ก แห่ง สภ.บันนังสตา ยะลา หรือจ่าเพียรมือปราบ ในอดีตสิ่งที่จะได้นำมาเสนอในครั้งนี้ ไม่ใช่จะมาช่วยกู้ภาพลักษณ์ให้กับวงการตำรวจแต่อยากนำแบบอย่างของตำรวจดี  นายหนึ่งที่ตลอดทั้งชีวิต ในเครื่องแบบสีกากีตั้งแต่เป็นพลตำรวจจนถึงปัจจุบันพันตำรวจเอกกว่า30 ปี ที่เขาทำงานคลุกคลีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านการปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบมานับร้อยครั้ง ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ หลายต่อหลายหนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ปัจจุบัน นายตำรวจผู้นี้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธร สภ.บันนังสตา จ.ยะลา  ใช่แล้ว เขาคือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับฯกระดูกเหล็ก แห่งวงการตำรวจชายแดนใต้ ที่ชื่อเป็นที่ครั่นคร้ามของกลุ่มแนวร่วมฯ ในนามของจ่าเพียรมือปราบ ฉายาที่ติดตัวมาตั้งแต่เป็นตำรวจชั้นประทวน ตั้งแต่ปี 2513 หลังจบการศึกษา โรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา พลฯสมเพียร เอกสมญา ถูกส่งเข้าเป็นตำรวจประจำ สภอ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งในขณะนั้น พื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตเคลื่อนไหวของขบวนการโจรก่อการร้าย แบ่งแยกดินแดน อย่างหนักทำให้ภาครัฐต้องระดมสรรพกำลัง ทั้งทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง เข้าไปแย่งชิงมวลชน และดูแลความสงบเรียบร้อย หลายครั้งที่เกิดการปะทะ  ทำให้มีการสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย และ ปฐมบทแห่งการเป็น จ่าเพียรมือปราบ ก็เกิดขึ้นที่นั่น ผู้ฝากผลงาน ด้านการสืบสวน ปราบปราม สู้กับ โจรก่อการร้าย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้  มากว่า 30 ปี
          จากชีวิตตำรวจที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด เขาได้สร้างผลงานด้านการปราบปราม ต่อสู้กับโจรก่อการร้ายอย่างห้าวหาญ  สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ของผู้บังคับบัญชา ทำให้กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) ได้อนุมัติให้เข้ารับการ อบรมหลักสูตร นายตำรวจสัญญาบัตร โดยไม่ต้องสอบคัดเลือก และได้รับการเลื่อนลำดับขั้น จากผงพวงการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด เมื่อครั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่  เข้าช่วยเหลือ นักบินและช่างเครื่อง ที่รอดชีวิต จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ ตำรวจ ตก ที่เขื่อนบางลางเมื่อปลายปี 50
          และหากนับผลการปฏิบัติราชการตรวจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ ปี 2513 จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่เป็น  พลตำรวจ  จนถึงยศ พันตำรวจเอก เขาได้เข้าทำการปะทะต่อสู้กับโจรก่อการร้าย โจรจีนคอมมิวนิสต์ มาแล้วนับ 100 ครั้ง สามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม ยึดอาวุธปืน และที่พักเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลในการนำกำลังเข้าปะทะกับโจรก่อการร้ายดังกล่าว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บทั้งเล็กน้อยและสาหัส จำนวน 8 ครั้ง เช่นในปี 2519 ได้ยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้าย กลุ่มนายลาเตะ เจาะปันตัง ที่จับกุมตัวตำรวจและครอบครัวไปเรียกค่าไถ่ ที่เทือกเขาเจาะปันตัง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ผลการปะทะทำให้ เขา ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขาซ้าย หน้าอกได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกส่งรักษาตัว รพ.ศูนย์ยะลา และจากการปะทะในครั้งนี้ทำให้ขาข้างซ้ายแทบพิการ
          ไม่ทิ้งงานมวลชน ในพื้นที่ และปี 2526 ได้ยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้าย กลุ่มนายคอเดร์ แกแตะ กับพวกประมาณ 30 คน ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ทำให้ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ต้นขาขวากระสุนฝังในเป็นต้น
          จากความทุ่มเท มุ่งมั่น ทำงานอย่างหนักในพื้นที่ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ มวลชนให้ความยอมรับให้ความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัวจนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง ในปี 2550 เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการตำรวจภูธร สภ.บันนังสตา จ.ยะลา แห่งเดียวกับที่เริ่มรับราชการครั้งแรก เมื่อยังเป็นตำรวจชั้นประทวน
          เครื่องแบบนายตำรวจ น้อยครั้งที่จะนำมาสวมใส่  เนื่องจากต้องการทำตัวให้ใกล้ชิด และ เข้าถึงชุมชนให้มากที่สุด พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา กลับสู่บันนังสตา ในขณะแผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟ กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ สามารถจัดตั้งแนวร่วมฯ และกองกำลังรบขนาดเล็ก เพื่อใช้ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ ให้ได้รับความสูญเสียเป็นจำนวนมาก โชคดีที่ พ.ต.อ.สมเพียร เคยทำงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน แม้รูปแบบการก่อความไม่สงบของกลุ่มคนร้ายได้ปรับเปลี่ยนไปจาก เมื่อ เกือบ 30 ปี ที่แล้วมาก แต่อาศัยเป็นผู้ชำนาญในพื้นที่มาก่อน และมีแหล่งข่าวเก่าที่เคยทำงานร่วมกันในอดีต จึงไม่เกินความสามารถที่จะที่จะสืบเสาะหาแหล่งกบดาน และติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ และหลังจากเขาเข้ามารับตำแหน่ง ผกก.สภ.บันนังสตาได้ไม่นาน วันที่ 1 สค.50 ได้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าปิดล้อมตรวจค้น และยิงปะทะกับกลุ่มโจรก่อการร้ายที่บ้านเตี๊ยะ หมู่ 5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา กลุ่มนายสุริมิง เปาะสา ที่ก่อเหตุร้ายในพื้นที่หลายครั้ง ผลการปะทะ ทำให้กลุ่มคนร้ายเสียชีวิต 6 ราย สามารถยึดอาวุธปืนสงครามและยุทธภัณฑ์ได้เป็นจำนวนมาก
          นอกจากนี้ยังได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีกหลายครั้ง สามารถจับกุม สร้างความสูญเสียให้กับกลุ่มคนร้าย และทำลายฐานที่มั่น ได้หลายแห่ง จนขบวนการกลุ่มก่อความไม่สงบ รวมตัวกันไม่ติด หนีหลบซ่อนออกนอกพื้นที่และบริเวณป่าเขา ทำให้เหตุร้ายใน พื้นที่ อ.บันนังสตา เบาบางลงมาก
          แม้ พ.ต.อ.สมเพียร จะมีความสามารถในงาน สืบสวน ปราบปราม แต่ งานมวลชน เขาก็ไม่ได้ละทิ้ง ยังคงติดต่อฟื้นสายสัมพันธ์เก่า กับประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ ที่เคยทำงานร่วมกันมาเมื่อครั้งอดีต ด้วยใจถึงใจ ต่อกัน มีกิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจและความรู้สึกอันดีกับชุมชน เขาไม่เคยที่จะปฏิเสธในการเข้าไปมีส่วนร่วม แม้จะรู้ว่ามีอันตรายแฝงอยู่ในทุกย่างก้าว
          เป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชา ผลจากการทำงานทุ่มเทมาตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้รับการยกย่อง และประกาศเกียรติคุณจากหน่วยงานต่างๆเป็นจำนวนมาก และ ที่สร้างความปลาบปลื้ม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดในชีวิต และครอบครัว คือ ได้รับการโปรดเกล้า ฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญมาลาเข็มกล้ากลางสมรณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง และกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2525           ภาระกิจในพื้นที่ บันนังสตา ต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว และนับเป็น ตำรวจเพียงคนเดียว ในขณะมียศแค่ จ่าสิบตำรวจ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ นอกจากนี้ พ.ต.อ.สมเพียร  ยังได้รับพระราชทาน และประกาศเกียรติคุณจากหน่วยงานต่างๆอีกมากมาย เช่น
1.ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นสอง ประเภทหนึ่ง
2.ได้รับประกาศนียบัตรผู้มีผลงานสู้รบดีเด่นจากกระทรวงมหาดไทย
3.ได้รับเข็มรักษาดินแดนสดุดี จากกระทรวงมหาดไทย
4.ได้รับมอบเกียรติบัตรผู้ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละ จากองค์การทหารผ่านศึก
5.ไดัรับประกาศผู้มีผลงานดีเด่นด้านการปราบปราม จากกองบัญชาการตำรวจภูธร 9
6.ได้รับการคัดเลือกเป็นศิษย์เก่า โรงเรียนตำรวจภูธร 9 ดีเด่น
7.ได้รับหนังสือสำคัญ จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต ) ยกย่องเชิดชู เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน และรักษาความสงบสุขของบ้านเมือง ด้วยความเข้มแข็งเสียสละ
8 .ฯลฯ 
และล่าสุด หลังจากรับตำแหน่ง ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา  ตั้งแต่ปี 2550 เป็นตันมา พ.ต.อ.สมเพียร ได้นำกำลังเข้าปิดล้อม ตรวจค้น และได้มีการปะทะยิงต่อสู้กับแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ มาแล้วจำนวน 7 ครั้ง ทำให้คนร้ายเสียชีวิต จำนวน 17 คน สามารถยึดอาวุธสงครามและยุทธภัณฑ์ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็น ผู้นำหน่วยยอดเยี่ยม จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า ( ศปก.ตร.สน )
          นี่คือเรื่องราวเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีแบบจ่าเพียรสัก 1 กองร้อยตำรวจ ผมว่า 3จชต. สงบสุขแน่นอน ไล่ล่าตามจับ ถ้าขัดขืนและยิงต่อสู้ก็ยิงทิ้งเลย ไม่รอให้มันฆ่าเราก่อน นี่คือผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน ปกป้องประชาชนอย่างแท้จริง ผิดกับพวกโกงกินบ้านกินเมือง เอาเปรียบคนจน

ขอสดุดีและขอคาราวะความดีที่ท่านได้สร้างเอาไว้

แด่จ่าเพียร


คลิปเหตุการณ์ ปะทะผู้ก่อความไม่สงบ





วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อส.ฮากิม เตือนสติแนวร่วม ฆ่าคนไม่ได้ทำให้ขึ้นสวรรค์ (ชมคลิป)




อส.ฮากิม เตือนสติ รอมฎอนคือเดือนแห่งสันติ เดือนแห่งการให้อภัย
นี่คือหลักอิสลามโดยแท้จริง การฆ่าคนในเดือนรอมฎอน ไม่ได้ทำให้ขึ้นสวรรค์

มาอีกแล้วครับกับความสงสัยหรือ ข้องใจในเรืองที่บ้างคนพูดว่าแนวร่วม RKK 
ฆ่าคนตายในเดือนรอมฎอนหรือ เดือนบวชของอิสลามจะได้เข้าสวรรค์ ตามความคิดผมจริงๆแล้ว ถ้าแนวรวม RKK คิดแบบนี้จริงๆ ผมว่าเค้าไม่ได้เชื่อในหลักคำสอนของศาสนาอิสลามแล้วละครับ ท่านรู้ไหมว่า เดือนรอมฎอน หรือ เดือนบวช เป็นเดือน อันประเสริฐ เดือนแห่งสันติ เดือนแห่งการให้อภัย เดือนแห่งการลบล้างบาป เดือนแห่งการทำความดี ปราศจากความชั่ว แม้แต่ความคิด คำพูด หรือ การกระทำ ก็ต้องถือศีล ไม่ใช่แค่ละหมาด ไม่ใช่แค่ถือศีลอด ทุกอย่างต้องทำด้วยจิตที่ดี ถึงแม้เราจะมีศัตรู เดือนนั้นเราควรที่จะให้อภัยเค้า ไม่ใช่ไปล้างแค้น ไม่ใช่ไปโต้ตอบ ไม่ใช่ไปเอาคืน นี้คือหลักของอิสลามที่แท้จริง แต่ถ้าหากแนวร่วมไม่ได้เป็นอย่างที่คนบางคนพูด ผมเองก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเดือนแห่งความศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยเถิด อามีน 
@กิม สิงห์ดำ

คลิปฮากิมเตือนสติแนวร่วม
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=198654814278493&id=100024019271197