เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 1/2564 โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.2563-20 ก.พ.2564 ซึ่งในภาพรวมมีสถานการณ์ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุรุนแรงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีสิ่งบอกเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงรูปแบบอื่น ๆ ในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบเรื่องที่ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ดำเนินการจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่
คณะกรรมการฯ
ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน.ภาค 4
เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน, อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี,
อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก, อ.สุคิริน,
อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มี.ค-19
มิ.ย.64 (ครั้งที่ 63) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ให้มีความต่อเนื่อง
และมีประสิทธิภาพ
การต่อ
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัดนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เพราะง่ายต่อการบังคับใช้กฎหมาย ติดตาม จับกุม และสามารถกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ให้ยอมจำนน
ซึ่งหลายกรณีที่เมื่อก่อเหตุแล้วจะกลายร่างเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
เดินปะปนกับคนในหมู่บ้าน ยากต่อการติดตามจับกุม หากหลักฐานไม่แน่นหนาพอ